การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย
ประเทศมาเลเซียจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2556 หลังนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3เมษายน 2556 โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภานิติบัญญัติรัฐ 12 จาก 13 รัฐ (ยกเว้นรัฐซาราวัก) หลังธรรมเนียมปฏิบัติที่เริ่มตั้งแต่ปี 2547 ให้จัดการเลือกตั้งเหล่านี้พร้อมกันประเทศมาเลเซียจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเมื่อวันที่ 5พฤษภาคม 2556 หลังนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2556 โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภานิติบัญญัติรัฐ 12 จาก 13 รัฐ (ยกเว้นรัฐซาราวัก) หลังธรรมเนียมปฏิบัติที่เริ่มตั้งแต่ปี 2547 ให้จัดการเลือกตั้งเหล่านี้พร้อมกัน
นายกรัฐมนตรีนาจิ๊บ ราซัค ผู้นำพรรคแนวร่วมแห่งชาติวิงวอนฝ่ายค้านยอมีรับผลการเลือกตั้งเดินหน้าสร้างความปรองดอง หลังคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้ง
นายกรัฐมนตรีนาจิ๊บวิงวอนให้พรรคร่วมฝ่ายค้านยอมรับผลการเลือกตั้งเพื่อนำพาประเทศไปสู่ความปรองดองและแสดงให้โลกเห็นว่ามาเลเซียมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ขณะที่นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้านปากาตัน รักยัต ปฏิเสธผลการเลือกตั้ง โดยระบุว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเกิดขึ้นมากมายกว่าหมื่นคดี ซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้งไม่สามารถจัดการได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่หมึกทาบนนิ้วเพื่อแสดงว่าใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วสามารถลบออกได้ง่ายทั้งที่ต้องติดนานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือการนำคนต่างชาติ จากบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียมาสวมสิทธิ์เลือกตั้ง นอกจากนี้ตามโซเชี่ยลมีเดียของมาเลเซียก็การเปิดโปงการทุจริตในรูปแบบต่างๆมาเผยแพร่ อาทิวีดีโอที่แสดงให้เห็นว่ามีคนต่างชาติได้รับสัญชาติโดยวิธีที่น่าสงสัยและถูกส่งตัวไปยังหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งหลังผลการเลือกตั้งออกมาผู้สนับสนุนฝ่ายค้านหลายพันคนได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟซบุคเป็นสีดำแสดงถึงความผิดหวัง ขณะที่หลายฝ่ายจับตาอนาคตทางการเมืองของอันวาร์ว่าจะเป็นอย่างไรหลังการเลือกตั้งครั้งนี้
อย่างไรก็ตามฝ่ายรัฐบาลและคณะกรรมการเลือกตั้ง ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านและกล่าวว่ามีผู้สนับสนุนของของพรรครัฐบาลได้จ่ายค่าเดินทางให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อยู่ต่างประเทศบินกลับมาลงคะแนน-การเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึง 10 ล้านคน คิดเป็น 80 เปอร์เซนต์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 13 ล้านคน และแม้ว่าพรรคแนวร่วมแห่งชาติจะได้ที่นั่งในรัฐสภาไป 133 ที่นั่ง แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานที่เลวร้ายที่สุดของพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องที่นั่งลดลงจากเดิม 140 ที่นั่งจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2008 ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้ว่าจะพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็ได้ที่นั่ง 89 ที่นั่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 7 ที่นั่ง
ขณะที่ตลาดหุ้นมาเลเซียขานรับผลการเลือกตั้งทะยานขึ้นสูงสุดเป็นยประวัติการร์ 6.8 เปอร์เซนต์ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ค่าเงินริงกิตแข็งค่าขึ้นในรอบ 10 เดือน
ขณะที่นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้านปากาตัน รักยัต ปฏิเสธผลการเลือกตั้ง โดยระบุว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเกิดขึ้นมากมายกว่าหมื่นคดี ซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้งไม่สามารถจัดการได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่หมึกทาบนนิ้วเพื่อแสดงว่าใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วสามารถลบออกได้ง่ายทั้งที่ต้องติดนานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือการนำคนต่างชาติ จากบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียมาสวมสิทธิ์เลือกตั้ง นอกจากนี้ตามโซเชี่ยลมีเดียของมาเลเซียก็การเปิดโปงการทุจริตในรูปแบบต่างๆมาเผยแพร่ อาทิวีดีโอที่แสดงให้เห็นว่ามีคนต่างชาติได้รับสัญชาติโดยวิธีที่น่าสงสัยและถูกส่งตัวไปยังหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งหลังผลการเลือกตั้งออกมาผู้สนับสนุนฝ่ายค้านหลายพันคนได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟซบุคเป็นสีดำแสดงถึงความผิดหวัง ขณะที่หลายฝ่ายจับตาอนาคตทางการเมืองของอันวาร์ว่าจะเป็นอย่างไรหลังการเลือกตั้งครั้งนี้
อย่างไรก็ตามฝ่ายรัฐบาลและคณะกรรมการเลือกตั้ง ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านและกล่าวว่ามีผู้สนับสนุนของของพรรครัฐบาลได้จ่ายค่าเดินทางให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อยู่ต่างประเทศบินกลับมาลงคะแนน-การเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึง 10 ล้านคน คิดเป็น 80 เปอร์เซนต์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 13 ล้านคน และแม้ว่าพรรคแนวร่วมแห่งชาติจะได้ที่นั่งในรัฐสภาไป 133 ที่นั่ง แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานที่เลวร้ายที่สุดของพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องที่นั่งลดลงจากเดิม 140 ที่นั่งจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2008 ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้ว่าจะพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็ได้ที่นั่ง 89 ที่นั่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 7 ที่นั่ง
ขณะที่ตลาดหุ้นมาเลเซียขานรับผลการเลือกตั้งทะยานขึ้นสูงสุดเป็นยประวัติการร์ 6.8 เปอร์เซนต์ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ค่าเงินริงกิตแข็งค่าขึ้นในรอบ 10 เดือน
ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) ปรากฏว่า หลังปิดหีบลงคะแนนผ่านไปประมาณ 9ชั่วโมง และนับบัตรได้กว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมด พรรคร่วมรัฐบาลในนาม “แนวร่วมแห่งชาติ” นำโดยพรรคอัมโนของ นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค คว้าชัยชนะได้สำเร็จ เมื่อได้ ส.ส. เข้าสู่รัฐสภาแล้วอย่างน้อย 127 ที่นั่ง ครองเสียงข้างมากจากทั้งหมดในรัฐสภา 222 ที่นั่ง สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเอกเทศ ขณะที่แนวร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค นำโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม ได้ ส.ส. แล้ว 77 ที่นั่ง
นับเป็นชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไป 13 ครั้งติดต่อกัน ของพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ซึ่งผูกขาดครองอำนาจเป็นรัฐบาลมาตลอด ตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2500 และเป็นชัยชนะที่ค่อนข้างผิดความคาดหมายก่อนหน้านี้ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่สุดจากฝ่ายค้าน
เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติมาเลเซีย เผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนราว 13 ล้านคน ตัวเลขผู้ที่ออกไปใช้สิทธิสูงถึง 80 % หรือกว่า 10 ล้านคน โดยการลงคะแนนมีขึ้นในหน่วยเลือกตั้งกว่า 8,000 หน่วยทั่วประเทศ ระหว่างเวลา 08.00 น. – 17.00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น